ดิเอโก มาราโดนา ชายผู้กระชากวิญญาณแฟนบอล อาร์เจนไตน์
( อาลัยถึงผู้ชาย ที่ปลุกวิญญาณชาว อาร์เจนตินา ให้กลับมาหลงใหลในฟุตบอล “ เสือเตี้ย ” ดิเอโก มาราโดนา ที่จากโลกนี้ไปในวัย 60 ปี จากสาเหตุ ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน )
สำหรับชาว อาร์เจนตินา แล้ว นอกจาก เช กุวาลา ที่เป็นนักปฏิวัติชื่อก้องโลก ที่พวกเขาให้ความเคารพศรัทธา ก็เห็นจะเป็นดิเอโก มาราโดนา หรือฉายา “ เสือเตี้ย ” ที่ตัวเขาเองเป็นเหมือนผู้ปลุกจิตวิญญาณโดยใช้กีฬาฟุตบอลเข้าครอบงำ เหล่าบรรดาประชาชนในประเทศ อาร์เจนตินา จนทำให้พวกเขามีความสุขนับตั้งแต่ มาราโดนา ก้าวเข้ามาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
ดิเอโกมาราโดนาเป็นเด็กที่เกิดย่านใจกลางเมืองกรุงบัวโนสไอเรสเมืองหลวงของประเทศอาร์เจนตินาซึ่งถือว่าเป็นย่านความเจริญของประเทศแต่ดูเหมือนว่ามาราโดนาอยู่ในครอบครัวที่ยากจนและตัวเขาเองต้องดิ้นรนเป็นอย่างมากเพื่อหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องซึ่งสิ่งเดียวที่ทำให้มาราโดนามีชีวิตรอดได้ในอนาคตนั่นก็คือการเล่นฟุตบอล
มาราโดนา เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก และช่วงที่ มาราโดนา เล่นให้ทีมเยาวชนของ “ ลอส เซโบยิตัส ” ความมหัศจรรย์ของเด็กน้อยตัวเล็กร่างเตี้ย ก็ทำให้เป็นที่น่าทึ่งของสโมสร หลังจากที่ มาราโดนา พาทีมชนะรวด 136 นัด โดยที่ไม่แพ้ใคร ซึ่ง มาราโดนา ก็เริ่มฉายแววตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งเขาอายุ 16 ปี มาราโดนา ก็ก้าวขึ้นไปสวมเสื้อ “ ฟ้า – ขาว ”อาร์เจนตินา ให้กับทีมชาติชุดใหญ่อย่างเต็มตัว ด้วยฝีเท้าที่ถูกขนานนามว่า เป็นเด็กมหัศจรรย์แห่งยุค
ถึงแม้ว่า มาราโดนา มีส่วนสูงเพียงแค่ 165 เซนติเมตรซึ่งถือว่าเป็นนักเตะที่รูปร่างเล็กเป็นอย่างมากและด้วยสรีระของมาราโดนาที่ดูเตี้ยจึงทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะไม่มีอนาคตที่ไกลหากว่าก้าวขึ้นไปเล่นในฟุตบอลที่อยู่ในระดับสูงกว่านี้
แต่ตรงกันข้าม หลังจากที่สวรรค์ไม่ได้ประทานรูปร่างที่สูงใหญ่ และใช้ความเร็วได้เป็นอย่างดี เหมือนนักเตะรายอื่น ๆ แต่สิ่งที่พระเจ้าประทานพรให้ มาราโดนา ในสายงานนักฟุตบอลอาชีพ ตัวเขาเองเป็นนักฟุตบอล “ ที่สามารถเลี้ยงบอลได้เชื่องยิ่งกว่าเสือที่ว่าจับยากสุดในป่า ” นี่คือข้อเปรียบเทียบที่เหล่าบรรดาแฟนบอล อาร์เจนตินา ได้กล่าวถึง ซึ่ง มาราโดนา เป็นนักเตะที่ไม่มีความเร็วมาก แต่ตรงกันข้าม ความคล่องตัวของ มาราโดนา เป็นสิ่งที่มีติดตัวเขามาโดยตลอด ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงยุคไหนสมัยไหนก็ตาม มาราโดนา ถือว่าเป็นนักเตะที่พาตัวเองออกจากจุดคับขัน หลังจากที่โดนคู่แข่งรุมทีละ 5 – 6 คน ซึ่งในยุคที่ มาราโดนา ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติใหม่ ๆ คงไม่มีใครปฏิเสธว่า นักเตะตัวเตี้ยร่างเล็กรายนี้ มีความคล่องตัวและสามารถวางบอลให้เพื่อนร่วมทีม จนทำให้เหล่าบรรดากองหลังของคู่แข่ง ต่างล้มลุกคุกคลาน หลังหักแทบจะทุกราย
และในเกมการแข่งที่ถูกกล่าวขานมากที่สุด ก็เห็นจะเป็นแมตช์ที่ทีมชาติ อาร์เจนตินา พบกับ “ สิงโตคำราม ” อังกฤษ ที่ซึ่งพวกเขามีเรื่องบาดหมางกันอยู่แล้ว เกี่ยวกับสงครามแย่งชิง หมู่เกาะ “ ฟอล์กแลนด์ ” จนกระทั่งฟุตบอลโลก ปี 1986 ที่เม็กซิโก เป็นเจ้าภาพ ซึ่งทีม อาร์เจนตินา ถือว่าเตรียมทีมมาได้เป็นอย่างดี และ มาราโดนา ก็สวมปลอกแขนกัปตันทีมนำทัพ “ ฟ้า – ขาว ” พบกับ อังกฤษ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายและในนั้นก็มีเรื่องราวเกิดขึ้น
จน มาราโดนา ถูกแฟนบอล อังกฤษ ตราหน้าว่าตัวเขา คือ “ ซาตาน ” ซึ่งเหตุการณ์ก็เกิดจาก มาราโดนา ( กระโดดขึ้นไปใช้มือปัดบอลเข้าไปตุงตาข่าย ) ต่อหน้าต่อตาผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ ซึ่งตอนนั้นเป็น ชิลตัน ที่เป็นผู้รักษาประตู และเขาก็มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง และนักเตะ อังกฤษ ก็ได้ต่างพากันประท้วง แต่สำหรับคำประท้วงที่เหล่าบรรดานักฟุตบอล อังกฤษ เรียกร้อง กรรมการก็ไม่เห็นดีเห็นงาม จนทำให้ อาร์เจนตินา ขึ้นนำก่อน 1- 0
ซึ่งยังเป็นข้อกังขาตลอดมาว่า มาราโดนา ใช้หัวหรือว่าใช้มือทำบอลเข้าประตู และหลังจากนั้น 4 นาทีต่อมา มาราโดนา ก็ใช้ทักษะส่วนตัว โดยการพลิกบอลหลบผู้เล่นทีมชาติ อังกฤษ ที่รุมเขาอยู่ 5 คน และส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ซึ่งลูกนั้นก็ถือว่าเป็นลูกประวัติศาสตร์ ที่ถูกจารึกไว้ ในฟุตบอลโลกในปีนั้นอีกด้วย
หลังจากที่เวลาผ่านไป มาราโดนา ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงลูกที่เขามีข้อกังขาว่า เขาใช้มือหรือใช้หัว ซึ่ง มาราโดนา ได้ให้คำตอบว่า “ มีเพียงลูกบอลโดนหัวผมแค่นิดเดียว ที่เหลือก็คือมือของพระเจ้า ที่ช่วยส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ” นั่นเท่ากับว่าลูกนั้น มาราโดนา ใช้มือปัดบอลเข้าไปตุงตาข่ายทีมชาติ อังกฤษ และนับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ตัวเขาเองก็ถูกขนานนามว่า มาราโดนา เจ้าของฉายา “ หัตถ์ พระเจ้า ”
แต่สำหรับเหล่าบรรดาแฟนบอล อาร์เจนตินา แล้ว ไม่ว่า มาราโดนา จะอยู่ในสถานการณ์ไหน มาราโดนา ก็เปรียบเสมือนพระเจ้าของพวกเขา เนื่องจากว่า มาราโดนา เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กใน อาร์เจนตินา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเขาเป็นนักปฏิวัติทางด้านจิตวิญญาณ ที่นำกีฬาฟุตบอลเข้ามาปลุกกระแส ให้ประเทศ อาร์เจนตินา กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากที่เขาทำชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
# การมาของ แวร์เนอร์ กระตุ้นฟอร์ม อับราฮัม